31/08/2022

เปรียบเทียบแบตเตอรี่ตะกั่วกรด เจล ลิเทียมฟอสเฟต ควรใช้อะไรดี

เมื่อพูดถึงรถกอล์ฟไฟฟ้า คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหัวใจสำคัญของรถกอล์ฟไฟฟ้าก็คือ “แบตเตอรี่” แต่มีคนจำนวนไม่มากที่จะรู้ว่า แบตเตอรี่ที่อยู่ในรถกอล์ฟไฟฟ้าของเราเป็นแบบไหน เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับแบตเตอรี่รถกอล์ฟกันมากขึ้น เราจะขอพาไปรู้จักกับแบตเตอรี่รถกอล์ฟ 3 ประเภท พร้อมเปรียบเทียบความแตกต่าง รวมถึงข้อดี-ข้อเสีย ให้ได้รู้กัน

 

แบตเตอรี่ตะกั่วกรด แบบเติมน้ำกลั่น (Lead–Acid Battery)

แบตเตอรี่ตะกั่วกรด

 

แบตเตอรี่ตะกั่วกรด เป็นแบตเตอรี่สำหรับรถกอล์ฟไฟฟ้าที่นิยมใช้กันมายาวนาน เรียกได้ว่าเป็นแบตเตอรี่ชาร์จไฟได้ชนิดที่เก่าแก่ที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับบรรดาแบตเตอรี่ด้วยกัน โดยแบตเตอรี่ชนิดเติมน้ำกลั่นนี้ เป็นแบตเตอรี่ประเภทตะกั่วกรด ซึ่งมีส่วนประกอบสารละลายอิเล็กโทรไลต์เป็นของเหลว ทำให้ต้องมีการเติมน้ำกลั่น เพื่อไม่ให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็ว

อายุการใช้งาน

แบตเตอรี่ตะกั่วกรด แบบเติมน้ำกลั่น จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 500-600 รอบชาร์จ หรืออายุการใช้งานไม่เกิน 3 ปี ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของผู้ใช้อีกด้วย

ระยะเวลาการชาร์จ

โดยปกติแล้วการชาร์จแบตเตอรี่ตะกั่วกรด จะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 8-10 ชั่วโมง ซึ่งจะใช้เวลานานกว่าแบตเตอรี่ประเภทอื่น เพราะต้องชาร์จโดยให้กระแสไฟต่ำ ไปเรื่อย ๆ และไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่หมดแล้วจึงค่อยชาร์จ เพราะจะยิ่งทำให้ระยะเวลาในการชาร์จนานขึ้น ทั้งยังทำให้แบตเตอรี่มีความร้อนสะสมสูง ส่งผลให้อายุการใช้งานสั้นลงตามมาด้วย

ข้อดี-ข้อเสีย-ข้อควรระวัง

• ข้อดี: แบตเตอรี่ตะกั่วกรด แบบเติมน้ำกลั่น จะมีราคาที่ถูกกว่าแบตเตอรี่ชนิดอื่น ๆ

• ข้อเสีย แบตเตอรี่ตะกั่วกรด แบบเติมน้ำกลั่น จะมีขนาดที่ใหญ่ น้ำหนักมาก ทั้งยังต้องมีการดูแลรักษา คอยตรวจเช็กน้ำกลั่นอยู่เสมอ และถ้าหากพบขี้เกลือที่ขั้วแบตเตอรี่ต้องคอยทำความสะอาด

• ข้อควรระวัง การใช้งานแบตเตอรี่ตะกั่วกรด แบบเติมน้ำกลั่น ควรต้องสังเกตปริมาณน้ำกลั่นอยู่เสมอ โดยให้น้ำกลั่นอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ ไม่ควรปล่อยให้น้ำกลั่นลดลงในระดับต่ำหรือแห้ง เนื่องจากจะทำให้น้ำกรดที่อยู่ในแบตเตอรี่กัดกร่อนแผ่นตะกั่ว เกิดการเสื่อมสภาพ และแบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานที่สั้นลง

 

แบตเตอรี่ Maintenance Free แบบเจล

แบตเตอรี่ Maintenance Free แบบเจล

 

แบตเตอรี่เจล MF (Maintenance Free) คือแบตเตอรี่แบบแห้ง (Dry) Electrolyte หรือมีน้ำกรดเป็นชนิดที่นำผงซิลิก้าลงไปในสารละลายในแบตเตอรี่ ทำให้สารละลายกลายเป็นเจล และจะถูกปิดสนิทแน่นอยู่ภายในแบตเตอรี่ โดยมีการทดสอบการรั่วอย่างดี นับว่าเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อแก้ปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมเร็วและแบตเสื่อมไม่เท่ากันทุกลูก

อายุการใช้งาน

แบตเตอรี่แบบเจลจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 3-4 ปี หรือต่อการชาร์จประมาณ 1,000 รอบ

ระยะเวลาการชาร์จ

แบตเตอรี่แบบเจลจะใช้เวลาในการชาร์จนาน เนื่องจากใช้แรงดันน้อย โดยจะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 6-8 ชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าพลังงานแบตเตอรี่เหลือมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้แบตเตอรี่แบบเจลควรชาร์จให้ประจุไฟเต็มอยู่เสมอ เพราะเป็นการรักษาแบตเตอรี่ และเพื่อให้พร้อมใช้งานรถไฟฟ้าได้ทุกเมื่อ

ข้อดี-ข้อเสีย-ข้อควรระวัง

 • ข้อดี: ราคาแบตเตอรี่แบบเจลจะถูกกว่าแบตเตอรี่ชนิดอื่น ๆ อีกทั้งน้ำหนักของแบตเตอรี่เจลจะมากกว่าแบตประเภทลิเทียมฟอสเฟต โดยน้ำหนักของแบตเตอรี่แต่ละก้อนจะอยู่ที่ประมาณ 40 กิโลกรัม

 • ข้อเสีย: มีอายุการใช้งานสั้นกว่าแบตเตอรี่ลิเทียมฟอสเฟต

 • ข้อควรระวัง แบตเตอรี่แบบเจลควรชาร์จด้วยกระแสไฟที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแก๊สในขณะชาร์จ เนื่องจากถ้ามีแก๊สเกิดขึ้น เซลล์แบตเตอรี่จะไม่สามารถดูดแก๊สที่เกิดขึ้นได้ทัน ส่งผลให้แรงดันภายในแบตเตอรี่จะสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตัวแบตเตอรี่สูญเสียแก๊สและน้ำ จนทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่สั้นลงได้

 

แบตเตอรี่ลิเธียมฟอสเฟต (Lithium Ion Phosphate : LFP)

แบตเตอรี่ลิเทียมฟอสเฟต

 

แบตเตอรี่ลิเทียมฟอสเฟต (LiFePo4) หรือที่เราอาจจะรู้จักกันในชื่อ “แบตลิโพ” เป็นแบตเตอรี่ลิเทียมที่ใช้วัสดุฟอสเฟตเป็นขั้วลบของแบตเตอรี่ ทำให้มีคุณสมบัติเด่นคือ ความต้านทานภายในต่ำ จึงทำให้จ่ายกระแสไฟได้มากและไม่ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของความร้อน ทั้งยังมีความหนาแน่นของพลังงานสูงอีกด้วย

อายุการใช้งาน

แบตเตอรี่ลิเทียมฟอสเฟต จะมีอายุการใช้งานได้มากถึง 10 ปี หรือต่อการชาร์จมากกว่า 3,500 รอบ

ระยะเวลาการชาร์จ

แบตเตอรี่ลิเทียมฟอสเฟต จะใช้เวลาชาร์จอยู่ที่ประมาณ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งยังมีความปลอดภัยและทนต่ออุณหภูมิได้สูง

ข้อดี-ข้อเสีย-ข้อควรระวัง

 • ข้อดี: น้ำหนักของแบตเตอรี่ลิเทียมฟอสเฟต จะเบากว่าแบบเจลเป็นเท่าตัว อีกทั้งยังต้องยอมรับว่ามีประสิทธิภาพสูง จึงทำให้แบตเตอรี่ลิเทียมฟอสเฟตนิยมนำมาใช้ในรถกอล์ฟไฟฟ้า เพราะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและปลอดภัย

 • ข้อเสีย: มีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าแบตเตอรี่รถกอล์ฟประเภทอื่น ๆ

 • ข้อควรระวัง ไม่ควรใช้สายชาร์จที่ไม่ตรงกับรุ่น หรือเหมาะสมกับแบตเตอรี่ เพราะเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาด้านความปลอดภัยได้

 

รู้ทันปัจจัยที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ

แบตเตอรี่รถกอล์ฟไฟฟ้าจะมีอายุการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ตามประเภทของแบตเตอรี่ แต่ก็สามารถเสื่อมสภาพก่อนถึงเวลาได้ ถ้าหากขาดการดูแลรักษาที่ดี รวมไปถึงมีการใช้งานอย่างไม่เหมาะสม โดยมีปัจจัยที่ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ดังต่อไปนี้

  • ชาร์จแบตเตอรี่ในขณะที่อากาศร้อนจัด รวมถึงชาร์จในขณะที่ยังติดเครื่องรถกอล์ฟ หรืออุณหภูมิแบตเตอรี่ร้อนอยู่
  • ลักษณะการขับขี่ที่ไม่เหมาะสม หรือการเหยียบเบรกไม่ถูกวิธี
  • พื้นที่ในการใช้ขับขี่รถกอล์ฟไฟฟ้า เป็นทางชัน ทางเนินยาว ๆ หรือทางขรุขระ
  • ใช้งานทั้งวันไม่มีหยุดพักเลย
  • น้ำหนักผู้โดยสารที่ Overload มากเกินไป
  • ไม่ได้ใช้งานรถกอล์ฟไฟฟ้าเป็นระยะเวลานาน และปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ชาร์จเแบตเตอรี่เลย ซึ่งตามหลักควรมีการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้งในระยะเวลา 1 เดือน เพื่อไม่ให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ

เคล็ดลับยืดอายุการใช้งานรถกอล์ฟไฟฟ้า

สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลรักษาแบตเตอรี่ เพื่อช่วยยืดอายุให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้นอีกหลายปี ทั้งยังลดค่าใช้จ่ายและค่าซ่อมบำรุง รวมถึงลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดได้อีกด้วย สามารถทำตามเคล็ดลับดังต่อไปนี้

  1. ควรชาร์จแบตเตอรี่รถกอล์ฟไฟฟ้าเต็ม 100% ก่อนนำไปใช้งาน
    สำหรับแบตเตอรี่ทุกประเภท ควรชาร์จไฟให้เต็ม 100% ก่อนใช้งานทุกครั้ง และควรหลีกเลี่ยงการชาร์จไฟแบบชั่วขณะ เช่น การชาร์จแค่ 30 นาที แล้วนำรถไปใช้งาน เพราะการชาร์จแบบนี้จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่ากำหนด
  2. อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่ต่ำกว่า 30% หรือใช้งานจนแบตเตอรี่หมด
    ควรหลีกเลี่ยงการปล่อยให้แบตเตอรี่หมดหรือเหลือน้อย เนื่องจากทำให้ต้องใช้เวลาในการชาร์จนานกว่าปกติ อีกทั้งแบตเตอรี่จะทำงานหนักเมื่อมีการดึงไฟไปใช้งาน และทำให้แบตเตอรี่เกิดความร้อนสูง
  3. หลังจากการใช้งานเสร็จแล้ว ไม่ควรชาร์จแบตเตอรี่ทันที
    ควรหลีกเลี่ยงการชาร์จแบตเตอรี่ทันทีหลังใช้งานเสร็จ เนื่องจากแบตเตอรี่มีความร้อนสะสมอยู่ในตัวสูง และถ้าหากชาร์จไฟเข้าไป จะส่งผลให้อุณหภูมิในตัวของแบตเตอรี่ยิ่งสูง แบตเตอรี่ก็จะเสื่อมได้เร็ว
  4. ไม่ปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเป็นเวลานาน
    หากไม่มีการใช้รถกอล์ฟไฟฟ้าเป็นระยะเวลานาน ควรชาร์จไฟอย่างน้อย 1 ครั้งต่อเดือน เพื่อให้กระแสไฟภายในของแบตเตอรี่มีการหมุนเวียน ป้องกันแบตเตอรี่เสื่อม
  5. เสียบปลั๊กที่ชาร์จไฟให้ถูกวิธี
    เวลาชาร์จแบตเตอรี่ควรนำขั้วสายชาร์จเสียบที่ปลั๊กไฟบ้าน (AC) ก่อน แล้วค่อยนำขั้วอีกด้านเสียบเข้าที่ตัวรถ (DC) เพื่อป้องกันกระแสไฟกระชากเข้าอุปกรณ์ชาร์จเจอร์ (Charger)
  6. ชาร์จแบตเตอรี่ในพื้นที่ที่เหมาะสม
    ในการชาร์จไฟรถกอล์ฟไฟฟ้า ควรชาร์จในพื้นที่อากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันความร้อนสะสมจากภายในแบตเตอรี่และจากอุณหภูมิอากาศภายนอก ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่
  7. อย่าอัดประจุเพิ่มด้วยที่ชาร์จไฟที่แรงเกินไป
    ควรใช้เครื่องชาร์จที่บริษัทให้ไปกับรถกอล์ฟไฟฟ้า หรือจากที่โรงงานผู้ผลิตกำหนดเท่านั้น

ทั้งหมดนี้ คงทำให้หลายคนตระหนักกันแล้วว่า แบตเตอรี่เป็นหัวใจสำคัญของรถกอล์ฟไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ประเภทไหน ก็ต้องมีการดูแลอย่างถูกวิธี และชาร์จแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อการใช้งานที่ยาวนานและปลอดภัย

สำหรับผู้ประกอบการที่มีความต้องการเลือกซื้อแบตเตอรี่รถกอล์ฟคุณภาพ มาที่ UGO ศูนย์รถกอล์ฟไฟฟ้า ผู้จัดจำหน่ายรถกอล์ฟและขายแบตรถกอล์ฟ ราคาดี ที่ได้คุณภาพมาตรฐานสากล CE ISO9001, ISO14001, IATF16949 การันตีด้วยแบรนด์ GRANDE® (แกรนเด) ทั้งประเภท Lead Acid ที่รับประกัน 1 ปี และ Lithium Battery ที่รับประกันสูงสุดถึง 5 ปี ให้คุณสามารถเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน อุ่นใจกว่าด้วยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำในการดูแลรถกอล์ฟให้อยู่ในสภาพดี พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ตลอด 24 ชั่วโมง!
เปิดบริการวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.00-17.00 น. และวันเสาร์ 09.00-17.00 น. หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-385-1100 หรือ ADD LINE : @UGOCAR