แบตเตอรี่รถกอล์ฟไฟฟ้า
27/12/2023

ชวนรู้จักประเภทและการเลือกซื้อแบตเตอรี่รถกอล์ฟให้คุ้มค่า

แบตเตอรี่รถกอล์ฟไฟฟ้า เป็นอุปกรณ์สำคัญในการขับเคลื่อนรถกอล์ฟไฟฟ้า ดังนั้นการเลือกซื้อแบตเตอรี่รถกอล์ฟจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้รถกอล์ฟสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
ในบทความนี้ จะมาแนะนำความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับ แบตเตอรี่รถกอล์ฟ และการเลือกซื้อแบตเตอรี่รถกอล์ฟให้คุ้มค่ามากที่สุด

ประเภทของแบตเตอรี่รถกอล์ฟ

แบตเตอรี่รถกอล์ฟ เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนรถกอล์ฟ ซึ่งในปัจจุบันแบตเตอรี่รถกอล์ฟมีให้เลือกหลายประเภท แต่ที่นิยมใช้กันทั่วไป มีดังนี้

แบตเตอรี่แบบ Lead-acid

เป็นแบตเตอรี่แบบดั้งเดิมที่ได้รับความนิยม ผลิตจากแผ่นตะกั่วและกรดซัลฟิวริก มีข้อดีคือราคาไม่แพง หาซื้อได้ง่าย มีอายุการใช้งานประมาณ 500-600 Cycle หรือใช้งานได้ประมาณ 3 ปี ขึ้นอยู่กับการใใช้งานและการดูแลรักษาของผู้ใช้

แบตเตอรี่ Maintenance Free แบบเจล

เป็นแบตเตอรี่แบบแห้งประเภทหนึ่ง ซึ่งน้ำกรดข้างในกลายเป็นเจลด้วยการเติมผงซิลิกาลงไป ทำให้มีความหนืด หกได้ยาก และไม่ต้องเติมน้ำกลั่น จึงไม่ต้องดูแลรักษาบ่อยครั้ง โดยมีอายุการใช้งานประมาณ 1,000 Cycle หรือใช้งานได้ประมาณ 3-4 ปี

แบตเตอรี่แบบ Lithium

เป็นแบตเตอรี่ชนิดหนึ่งที่ใช้ลิเทียมเป็นวัสดุหลักในการผลิต มีความหนาแน่นของพลังงานสูง มีน้ำหนักเบา และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าแบตเตอรี่ประเภทอื่น ๆ โดยมีอายุการใช้งานประมาณ 3,500 Cycle หรือใช้งานได้มากถึง 10 ปี

ปัจจัยที่ทำให้แบตเตอรี่รถกอล์ฟเสื่อม

  • การใช้งานรถกอล์ฟอย่างหนัก เช่นการชับรถกอล์ฟตลอดทั้งวันไม่มีหยุดพัก , สไตล์การขับขี่ของแต่ละท่าน , ลักษณะการขับ, หรือแม้แต่เหยียบเบรก ทั้งหมดนี้จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่าการใช้งานปกติ
  • การดูแลรักษาแบตเตอรี่รถกอล์ฟที่ไม่เหมาะสม เช่น การละเลยไม่ชาร์จแบตเตอรี่เมื่อแบตเตอรี่หมดพลังงานไปเป็นระยะเวลานานจนเกินไป หรือ การปล่อยให้แบตเตอรี่หมดบ่อย ๆ การปล่อยให้แบตเตอรี่สัมผัสกับอุณหภูมิที่สูงหรือต่ำเกินไป จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่าการดูแลรักษาที่เหมาะสม
  • สภาพแวดล้อมที่ใช้งานรถกอล์ฟ เช่น อุณหภูมิที่สูงหรือต่ำเกินไป ความชื้นสูง หรือฝุ่นละออง จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่าสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
  • การชำรุดเสียหายของแบตเตอรี่ เช่น ขั้วแบตเตอรี่หลวม ทำให้ไฟไม่เข้าแบตเตอรี่ หรือสายพานหลวม ทำให้ส่งแรงปั่นกระแสไฟฟ้าได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
  • การชาร์จไฟไม่เหมาะสม เช่น การชาร์จแบตเตอรี่ทันทีหลังจากการใช้งาน อุณหภูมิแบตเตอรี่ที่ร้อนอยู่ เมื่อมีการชาร์จไฟก็จะเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้น จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าเดิมได้

การเลือกซื้อแบตเตอรี่รถกอล์ฟ

เทคนิคการเลือกซื้อแบตเตอรี่รถกอล์ฟ

  1. การเลือกซื้อแบตเตอรี่รถกอล์ฟที่เหมาะสม คือการเลือกซื้อจากร้านค้าหรือตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้
  2. ตรวจสอบข้อมูลของแบตเตอรี่อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ได้แบตเตอรี่ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานมากที่สุด
  3. เลือกแบตเตอรี่ที่มีขนาดและกำลังไฟที่เหมาะสมกับรถกอล์ฟที่ใช้ โดยกำลังไฟของแบตเตอรี่ จะระบุไว้ในหน่วย Amper-Hour (Ah) ซึ่งกำลังไฟที่สูงจะช่วยให้รถกอล์ฟวิ่งได้ไกลขึ้น
  4. ราคาของแบตเตอรี่รถกอล์ฟจะแตกต่างกันไปตามประเภท ขนาด และกำลังไฟ ควรเปรียบเทียบราคาจากหลายแหล่งก่อนตัดสินใจซื้อ
  5. เลือกซื้อแบตเตอรี่ที่มีการรับประกันจากศูนย์บริการหรือบริษัทที่น่าเชื่อถือ

การดูอายุแบตเตอรี่รถกอล์ฟแบบง่าย ๆ

ในปัจจุบันมีหลายวิธีในการดูอายุแบตเตอรี่รถกอล์ฟ แต่วิธีที่ง่ายที่สุดคือดูวันที่ผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งจะระบุไว้ที่ขั้วบวกหรือขั้วลบของแบตเตอรี่ โดยตัวอักษรจะระบุเดือนที่ผลิตของแบตเตอรี่ ตัวอักษร A-L หมายถึงเดือนมกราคม-ธันวาคม และตัวเลขจะระบุปีที่ผลิตของแบตเตอรี่ซึ่งจะบอกเป็น ค.ศ. โดยตัวเลข 0-9 หมายถึงปี 2000-2009 และตัวเลข 10-99 หมายถึง 2010-2099
โดยทั่วไปแล้วแบตเตอรี่ของรถกอล์ฟแต่ละประเภทจะมีอายุการใช้งานตามที่ผู้ผลิตแจ้งเบื้องต้น ดังนั้นหากแบตเตอรี่ของคุณมีอายุมากกว่าที่กำหนดไว้ ผู้ใช้งานควรพิจารณาการเลือกซื้อแบตเตอรี่รถกอล์ฟเพื่อเปลี่ยนใหม่

 

สำหรับผู้ประกอบการที่มีความต้องการเลือกซื้อแบตเตอรี่รถกอล์ฟคุณภาพ มาที่ UGO ศูนย์รถกอล์ฟไฟฟ้า ผู้จัดจำหน่ายรถกอล์ฟและขายแบตรถกอล์ฟ ราคาดี ที่ได้คุณภาพมาตรฐานสากล CE ISO9001 , ISO14001 , IATF16949 การันตีด้วยแบรนด์ GRANDE® (แกรนเด) ทั้งประเภท Lead Acid ที่รับประกัน 1 ปี และ Lithium Battery ที่รับประกันสูงสุดถึง 5 ปี ให้คุณสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับการใช้งาน อุ่นใจกว่าด้วยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำในการดูแลรถกอล์ฟให้อยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ตลอด 24 ชั่วโมง!

เปิดบริการวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.00-17.00 น. และวันเสาร์ 09.00-17.00 น. หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-385-1100 หรือ ADD LINE : @UGOCAR

แหล่งอ้างอิง